เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงเรื่องฮอร์โมนและอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายย่อมเกิดขึ้น รวมถึงเรื่องกลิ่นคนแก่ที่พบได้เฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุทั้งหญิงและชาย เกิดจากต่อมไขมันและต่อมเหงื่อทำงานได้ลดลง ทำให้กรดไขมันชนิดหนึ่งที่ชื่อ ลิพิดเปอร์ออกไซด์ (Lipid peroxidation) มีปริมาณสูงขึ้น จนเกิดการสะสมของสารโนเนนาล (Nonenal) เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตสารต้านอนุมูลอิสระได้น้อยลง ทำให้กรดไขมันเหล่านี้ถูกออกซิไดซ์ได้ง่ายขึ้น กลิ่นคนแก่จึงมากขึ้นตามไปด้วย
‘กลิ่นคนแก่’ หรือ ‘กลิ่นผู้สูงวัย’ (Aging odor) เป็นกลิ่นตัวเฉพาะของผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ลักษณะของกลิ่นผู้สูงอายุจะมีกลิ่นอับชื้น กลิ่นคล้ายไขมันเก่า หรือกลิ่นคล้ายขี้ผึ้ง เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การรับประทานอาหารบางชนิดที่มีกลิ่นรุนแรง ทำให้ขับเหงื่อออกมาทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียจนเกิดกลิ่นในร่างกาย เป็นกรดไขมันชนิดหนึ่งที่ชื่อ ลิพิดเปอร์ออกไซด์ มีปริมาณที่สูงขึ้น และมีการสะสมของสารโนเนนาล (Nonenal) เกิดจากการสลายตัวของกรดไขมันโอเมก้า 7 บนผิวหนัง ซึ่งเป็นต้นเหตุของกลิ่นคนแก่ อย่างไรก็ตาม สารโนเนนาล เป็นสารที่มีคุณสมบัติไม่ละลายน้ำหรือไขมัน จึงทำให้การอาบน้ำไม่ได้ช่วยให้กลิ่นคนแก่หายไป จึงไม่ได้เกิดจากความสกปรก แต่เป็นกลิ่นที่เกิดโดยกลไกธรรมชาติ
หลายคนที่อายุยังไม่ถึง 60 ปี ส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 40 ปีขึ้นไปแล้วเริ่มแสดงกลิ่นกายคล้ายกลิ่นแก่ มีสาเหตุ คือ
รักษาสุขอนามัยและทำความสะอาดร่างกายสม่ำเสมอ เน้นอาบน้ำอุ่นเพื่อช่วยให้รูขุมขนขยาย พาเหงื่อและสิ่งสกปรกไหลไปพร้อมกับน้ำ โดยบริเวณที่ควรล้างทำความสะอาดอย่างพิถีพิถันคือ บริเวณที่มีต่อมผลิตไขมันมาก เช่น หลังหู หลังคอ หน้าอก และหลังที่เต็มไปด้วยแบคทีเรีย การอาบน้ำจึงเป็นวิธีชะลอได้ดีที่สุด แนะนำให้สวมเสื้อผ้าเนื้อธรรมชาติ เช่น ฝ้าย ลินิน ที่ระบายอากาศและความชื้นได้ดี ลดความอับชื้น ช่วยชะลอการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
หลีกเลี่ยงรับประทานอาหารที่มีกลิ่นฉุนจำพวกสะตอ ชะอม หอมแดง กระเทียม ปลาร้า ฯลฯ ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน
ลดปริมาณการทานเนื้อสัตว์ และไขมัน โดยเฉพาะไขมันเลวที่สะสมในเนื้อสัตว์จะกระตุ้นให้ต่อมผลิตไขมันขับความมันส่วนเกินออกมามากขึ้น
เน้นรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยกากใยจำพวกผักผลไม้ที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
รับประทานอาหารที่มีแม็กนีเซียม สังกะสี เช่น อาหารทะเล จะช่วยขับฮอร์โมนและลดกลิ่นตัวออกไปได้
งดสูบบุหรี่ บุหรี่จะเพิ่มสารอนุมูลอิสระให้ร่างกาย ทำให้ระบบไหลเวียนแย่ลง ส่งผลเสียเกิดการสะสมของเสียในร่างกายเพิ่มกลิ่นเหม็นตามต่อมผิวหนังต้องขับออกมามากกว่าเดิม
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายขับเหงื่อออกมามากกว่าเดิม ให้ต่อมเหงื่อขยายและขับของเสียออก ลดสาเหตุการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกอันเป็นต้นเหตุของปัญหากลิ่นตัว
เช็ดเหงื่อบ่อยๆ การตัดวงจรไม่ให้เกิดกลิ่นคนแก่คือการเช็ดเหงื่อ หรือทำให้เหงื่อออกน้อยที่สุด ใส่ใจกับรอยพับของผิวหนัง เช่น ใต้วงแขน ขาหนีบ และข้อพับเข่า ซึ่งเป็นแหล่งสะสมเหงื่อ ให้หมั่นเช็ดทำความสะอาดและทำให้แห้งอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่น
รักษาด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น น้ำมันทีทรี วิชฮาเซล หรือน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ ขึ้นชื่อในเรื่องคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและสามารถช่วยต่อสู้กับกลิ่นตัวได้
การปรับฮอร์โมน ในผู้สูงอายุหญิงวัยหมดประจำเดือน หากกลิ่นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน อาจพิจารณาบำบัดฮอร์โมนทดแทน ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่มีส่วนช่วยควบคุมกลิ่นแก่ได้ดี เช่น โรลออนหรือสเปรย์ลดแบคทีเรียและระงับเหงื่อ หากเป็นคนผิวแพ้ง่ายควรเลือกสูตรอ่อนโยน ปราศจากแอลกอฮอล์และพาราเบน เพื่อป้องกันระคายเคือง ส่วนผู้ที่ต่อมไขมันทำงานผิดปกติ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดความมันและแบคทีเรียบนผิว
– ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ผักใบเขียว ที่มีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระ
– อาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ได้แก่ ปลาแซลมอน เมล็ดแฟลกซ์ และวอลนัท เพื่อช่วยการเผาผลาญกรดไขมันที่ดีต่อสุขภาพ
– เสริมวิตามินบี 12 บี 2 และโปรไบโอติค เพื่อลดการสะสมไขมันเปอร์ออกไซด์ และโปรไบโอติคเพื่อช่วยเผาผลาญไขมันอย่างมีประสิทธิภาพ
ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายที่มีสารสกัดจากลูกพลับ หรือส่วนผสมของสารส้ม ซึ่งเป็นยาดับกลิ่นที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อตามธรรมชาติ สามารถใช้ขจัดน้ำมันใต้วงแขน เท้า หลัง และหลังใบหูของผู้สูงอายุ ช่วยระงับกลิ่นกายและเหงื่อได้