ให้เราติดต่อคุณ
หน้าแรก > ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยในผู้สูงอายุ

ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยในผู้สูงอายุ

มวลกล้ามเนื้อของเราจะฝ่อลงตามวัย ผู้สูงวัยหลายคนจึงประสบภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยปกติคนเราจะมีมวลกล้ามเนื้อสูงที่สุด (Peak Muscle Mass) ที่ช่วงอายุระหว่าง 30-40 ปี หลังอายุ 40 ปีไปแล้ว มวลกล้ามเนื้อจะลดลงเฉลี่ย 1-2 ต่อปี โดยไม่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน แต่หลังอายุ 50-60 ปี ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อจะลดลงด้วยเฉลี่ยร้อยละ 1.5 ต่อปี และลดลงเร็วขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายหลังอายุ 65 ปี จึงเพิ่มความเสี่ยงกระดูกหัก เปราะบาง และภาวะล้มในผู้สูงอายุ

ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยในผู้สูงอายุ คืออะไร?
อาการของผู้สูงอายุที่มีมวลกล้ามเนื้อน้อย
สาเหตุของภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยในผู้สูงอายุ
แนวทางการวินิจฉัยภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย
แนวทางการป้องกันภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย
Q&A หลากคำถาม มีคำตอบ เกี่ยวกับภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย

ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยในผู้สูงอายุ คืออะไร?

ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยในผู้สูงอายุ

ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย (Sarcopenia) คือ การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของมวลกล้ามเนื้อ โดยทั่วไปมักเริ่มต้นตั้งแต่อายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มอาการของผู้สูงอายุ (Geriatric Syndrome) ที่พบบ่อยถึง 1 ใน 3 ของผู้สูงอายุทั่วไป เมื่อเราอายุมากขึ้น 30 ปี และเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในวัย 60-80 ปี ซึ่งอาจทำให้เดินไม่สะดวก ล้มง่าย สูญเสียการทรงตัว และคุณภาพชีวิตลดลง

อาการของผู้สูงอายุที่มีมวลกล้ามเนื้อน้อย

  • น้ำหนักลดลงจากปกติ กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลงจนเห็นได้ชัด
  • ทรงตัวไม่ดี
  • ลุกนั่งและเคลื่อนไหวร่างกายลำบาก
  • หยิบจับสิ่งของลำบาก

สาเหตุของภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยในผู้สูงอายุ

  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น มวลกล้ามเนื้อจะเริ่มลดลงตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป และลดลงมากขึ้นในวัยสูงอายุ
  • ปัจจัยด้านโภชนาการ การขาดโปรตีน แคลเซียม และวิตามินดี ทำให้มวลกล้ามเนื้อลดลง
  • การลดลงของเซลล์ประสาทที่เชื่อมระหว่างสมองและกล้ามเนื้อ
  • ระดับฮอร์โมนในร่างกายที่ลดลง เช่น ไทรอยด์ฮอร์โมน (thyroid hormone), ฮอร์โมนเทสโทสเตอ โรน (testosterone) เป็นต้น
  • ความสามารถในการเปลี่ยนโปรตีนเป็นพลังงานลดลง
  • โรคประจำตัว ได้แก่ ภาวะพร่องอินซูลินและเบาหวาน โรคไต โรคหัวใจ ถุงลมโป่งพอง โรคมะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV) โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ การอักเสบในร่างกาย ผู้ป่วยที่มีภาวะติดเตียง ฯลฯ
  • ความผิดปกติของเซลล์ไมโตคอนเดรีย
  • การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์

แนวทางการวินิจฉัยภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย

ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยในผู้สูงอายุ

Dual-energy X-ray absorptiometry (DEXA หรือ DXA) เป็นการใช้รังสีเอกซเรย์กำลังต่ำเพื่อวัดมวลกล้ามเนื้อมวลไขมัน และความหนาแน่นของกระดูก

ใช้ Bioelectrical Impedence Analysis (BIA) ช่วยประเมินมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ หากได้ค่าน้อยกว่า 7.0 กิโลกรัมต่อตารางเมตรในเพศชาย และน้อยกว่า 5.7 กิโลกรัมต่อตารางเมตรในเพศหญิง จึงจะถือว่าเข้าข่ายป่วยเป็นซาร์โคเพเนีย

ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยในผู้สูงอายุ

การวัดแรงบีบมือ (Hand – Grip Strength) จะต้องมีแรงบีบไม่ต่ำกว่า 26 กิโลกรัมในเพศชาย และไม่ต่ำกว่า 18 กิโลกรัมในเพศหญิง

ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยในผู้สูงอายุ

ตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูก กล้ามเนื้อ แร่ธาตุ และเปอร์เซ็นต์ไขมัน (Advance Bone Densitometer)

แนวทางการป้องกันภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย

  • ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Resistive Exercise) เฉลี่ย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ร่วมกับออกกำลังชนิดเพิ่มความทนทาน (Aerobic Exercise) จะช่วยกระตุ้นการสร้างโปรตีนของกล้ามเนื้อและช่วยให้ไขมันในกล้ามเนื้อลดลง
  • การบริโภคอาหาร ควรได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอ คนปกติต้องการโปรตีนประมาณ 0.8-1กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หากมีภาวะกล้ามเนื้อน้อยต้องรับประทานโปรตีนเพิ่มขึ้น 20% จากปกติ โดยเฉพาะอาหารที่มีกรดอะมิโนจำเป็นชนิดลิวซีนสูง เช่น ถั่วเหลือง เนื้อปลา เนื้อวัว เพื่อป้องกันการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อและเพิ่มเส้นใยของกล้ามเนื้อ
  • หยุดสูบบุหรี่และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

Q&A หลากคำถาม มีคำตอบ เกี่ยวกับภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย

ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย (Sarcopenia) พบได้ในผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หรืออาจพบได้ในช่วงอายุที่น้อยหรือมากกว่านี้ขึ้นกับหลายปัจจัย และสามารถพบมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุที่เพิ่มขึ้น โดยในผู้ที่อายุ 60 ปี พบได้ประมาณ 5-13% และพบมากขึ้นเป็น 11-50% ในผู้ที่อายุ 80 ปี
การรักษาภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยแพทย์จะให้ความสำคัญกับสารอาหารที่ได้รับ โดยเน้นบริโภคโปรตีน และวิตามินดีเป็นหลักเพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ หรือบางรายจะได้รับฮอร์โมนเพิ่มเติม ทั้งยังสามารถใช้หลักกายภาพบำบัดเข้ามาช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้อีกด้วย โดยจะฝึกออกกำลังกายแบบมีแรงต้านในกล้ามเนื้อทุกๆส่วนของร่างกาย ใช้แรงต้านจากสิ่งต่างๆ เช่น แรงต้านจากถุงทราย แรงต้านจากยางยืด หรือแรงต้านจากน้ำ เป็นต้น ฝึกทรงตัวในท่ายืนและเดิน ทั้งทรงตัวอยู่กับที่ (Static) หรือขณะมีการเคลื่อนไหว (Dynamic)
© Copyright 2025 by YANHEE NURSING HOME. ALL RIGHTS RESERVED.